ค้นหาบล็อกนี้

วันอังคารที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2553

Thailnad แดนมหัศจรรย์

สายรุ้งตึกใบหยก ที่กรุงเทพฯ

วัดโพธิ์ กรุงเทพฯ


หอคอย เมืองสุพรรณบุรี


พระธาตุกองมู แม่ฮ่องสอน

ห้วยน้ำดัง เชียงใหม่

ห้วยน้ำดัง เชียงใหม่

ดอยหลวง เชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่

ดอยแม่ตะมาน เชียงใหม่

ดอกพระญาเสือโคร่ง ขุนช้างเคี่ยน เชียงใหม่


นาข้าวขั้นบันได แม่แจ่ม เชียงใหม่


นาข้าวขั้นบันได แม่แจ่ม เชียงใหม่


ไร่สตอเบอรี่ หมู่บ้านนอแล ดอยอ่างขาง เชียงใหม่


ทุ่งแสลงหลวง เพชรบูรณ์


วัดถ้ำเสือ กาญจนบุรี


ทีลอซู ตาก


น้ำตกแสงจันทร์ อุบล



น้ำตกห้วยหลวง (บักเตว) อุบล

ผาแต้ม อุบล

ภูแลนคา ชัยภูมิ

น้ำตกเหวนรก เขาใหญ่

น้ำตกพรหมโลก นครศรีธรรมราช

เขื่อนรัชประภา เขาสก สุราษฎร์

ปากน้ำระนอง

หมู่เกาะพีพี พังงา

สิมิลัน พังงา

ปันหยี พังงา

เกาะทับ ทะเลแหวก กระบี่

ทะเลทรายเมืองไทย แม่น้ำโขง

ขอบพระคุณข้อมูลและภาพจาก http://www.teenee.com/

เรื่องกล้วยๆ ดูดีมีประโยชน์

        ใครที่ชอบทานกล้วยบ้าง รู้ไหมว่ากล้วยมีประโยชน์อย่างไรต่อร่างกาย วันนี้เกร็ดความรู้มีเรื่องนี้มาฝากกัน...

        ดร.จีนคาร์เพอร์ นักโภชนาการ กล่าวว่า กล้วยเป็นผลไม้ที่ช่วยบรรเทาอาการอาหารไม่ย่อยในกระเพาะ (Dyspepsia) ได้เป็นอย่างดี การรับประทานกล้วยเป็นประจำจะทำให้กระเพาะแข็งแรง ปัญหาจากกรดในกระเพาะจะลดลง สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องแผลในกระเพาะจะมีอาการดีขึ้น

        นอกจากนี้ กล้วยยังมีฤทธิ์ทางปฏิชีวนะ สามารถฆ่าเชื้อได้อีกด้วย จากการทดลองผู้ป่วย 46 คน ที่มีอาการปวดในกระเพาะ โดยไม่มีแผลในกระเพาะอาหาร โดยจัดให้ผู้ป่วยจำนวน 23 ราย ได้รับกล้วยผงบรรจุแคปซูลทุกวัน ส่วนอีก 23 ราย ให้รับแคปซูลของยาหลอกที่บรรจุแป้งธรรมดา


        พบว่าผ่านไป 8 สัปดาห์ ผู้ป่วยที่ได้รับผงกล้วย ร้อยละ 50 ไม่มีอาการปวดเกิดขึ้นเลย และร้อยละ 25 มีอาการดีขึ้น ส่วนผู้ป่วยที่ได้รับยาหลอกจำนวน ร้อยละ 20 เท่านั้นที่บอกว่ามีอาการค่อยยังชั่วขึ้น แสดงให้เห็นว่าการรับประทานกล้วย แม้ว่าจะอยู่ในรูปแบบผงก็ยังสามารถช่วยบรรเทาอาการโรคกระเพาะได้


        ส่วนใครที่ชอบกินกล้วยหอม รู้ไว้เลยว่า การกินกล้วยหอมหนึ่งผล ไม่เพียงแต่ทำให้อิ่มท้องเท่ากับข้าวหนึ่งจานเท่านั้น แต่กล้วยยังให้ผลทางยาและสมุนไพรที่ข้าวไม่มี คือสามารถดูแลและรักษากระเพาะอาหารได้


        ถ้าอยากมีสุขภาพที่ดี ก็อย่าลืมหันมาทานกล้วยกัน
 
 
        ขอขอบพระคุณข้อมูลจาก http://www.tlcthai.com/webboard/view_topic.php?table_id=1&cate_id=35&post_id=7907

ประตูสองบาน

บทความ เนื้อเรื่อง หรือ คำอธิบาย โดยละเอียด บรรยายธรรมะโดยท่าน ว.วชิรเมธีท่านได้ให้พร 4 ข้อ ดังนี้


1. อย่าเป็นนักจับผิด คนที่คอยจับผิดคนอื่น แสดงว่า หลงตัวเองว่าเป็นคนดีกว่าคนอื่น ไม่เห็นข้อบกพร่องของตนเอง 'กิเลสฟูท่วมหัว ยังไม่รู้จักตัวอีก' คนที่ชอบจับผิด จิตใจจะหม่นหมอง ไม่มีโอกาส 'จิตประภัสสร' ฉะนั้น จงมองคน มองโลกในแง่ดี'แม้ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ถ้ามองเป็น ก็เป็นสุข'


2. อย่ามัวแต่คิดริษยา 'แข่งกันดี ไม่ดีสักคนผลัดกันดี ได้ดีทุกคน'คนเราต้องมีพรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา คนที่เราริษยาเป็นการส่วนตัว มีชื่อว่า 'เจ้ากรรมนายเวร' ถ้าเขาสุข เราจะทุกข์ ฉะนั้น เราต้องถอดถอนความริษยาออกจากใจเรา เพราะไฟริษยา เป็น 'ไฟสุมขอน' (ไฟเย็น) เราริษยา 1 คน เราก็มีทุกข์ 1 ก้อน เราสามารถถอดถอนความริษยาออกจากใจเราโดยใช้วิธี 'แผ่เมตตา' หรือ ซื้อโคมมา แล้วเขียนชื่อคนที่เราริษยา แล้วปล่อยให้ลอยไป


3. อย่าเสียเวลากับความหลัง 90% ของคนที่ทุกข์ เกิดจากการย้ำคิดย้ำทำ 'ปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น'มนุษย์ที่สลัดความหลังไม่ออก เหมือนมนุษย์ที่เดินขึ้นเขาพร้อมแบกเครื่องเคราต่างๆ ไว้ที่หลังขึ้นไปด้วยความทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้ว จงปล่อยมันซะ 'อย่าปล่อยให้คมมีดแห่งอดีต มากรีดปัจจุบัน''อยู่กับปัจจุบันให้เป็น' ให้กายอยู่กับจิต จิตอยู่กับกาย คือมี 'สติ' กำกับตลอดเวลา


4. อย่าพังเพราะไม่รู้จักพอ 'ตัณหา' ที่มีปัญหา คือ ความโลภ ความอยากที่เกินพอดี เหมือนทะเลไม่เคยอิ่มด้วยน้ำ ไฟไม่เคยอิ่มด้วยเชื้อ ธรรมชาติของตัณหา คือ 'ยิ่งเติมยิ่งไม่เต็ม' ทุกอย่างต้องดูคุณค่าที่แท้ ไม่ใช่ คุณค่าเทียม เช่น คุณค่าที่แท้ของนาฬิกา คืออะไร คือ ไว้ดูเวลาไม่ใช่มีไว้ใส่เพื่อความโก้หรูคุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์มือถือ คืออะไร คือไว้สื่อสาร แต่องค์ประกอบอื่นๆ ที่เสริมมาไม่ใช่คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์เราต้องถามตัวเองว่า 'เิกิดมาทำไม' 'คุณค่าที่แท้จริงของการเกิดมาเป็นมนุษย์อยู่ตรงไหน 'ตามหา 'แก่น' ของชีวิตให้เจอ

' คำว่า 'พอดี' คือ ถ้า 'พอ' แล้วจะ 'ดี' รู้จัก 'พอ' จะมีชีวิตอย่างมีความสุข'









































ขอขอบพระคุณข้อมูลจาก http://atcloud.com/stories/31336

เมืองร้างบนโลกใบนี้

1.Abandoned Medieval Town of Balestrino, Italy
        ไม่แน่ใจว่าสถานที่แห่งนี้ใครเป็นผู้เริ่มสร้าง แต่ในปี1100 สำนักสงฆ์Benedictineแห่งSan Pietro dei Montiได้กล่าวอ้างถึงความเป็นเจ้าของ จริงๆแล้วมีหลายประเทศสร้างมันขึ้นมา คงเป็นเพราะภาวะสงครามในสมัยก่อน มีการแย่งอาณานิคมกัน ปัจจุบันจะพบเห็นปราสาทที่อยู่ส่วนบนสุดของเมืองและซากกำแพงเมืองที่ยาว เยียดตลอดจนต้นมะกอกที่เรียงรายกันโดยรอบถือได้ว่าเป็นเมืองที่สวยงามแห่ง หนึ่ง ส่วนเหตุที่ต้องกลายเป็นเมืองร้างปราศจากผู้คนเพราะเหตุแผ่นดินไหวนั่นเอง




 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

2.Abandoned City & Commune of Oradour, France
        ในช่วงจุดเดือดของสงครามโลกครั้งที่สอง จากคำบอกเล่าของนายทหารเยอรมันผู้หนึ่ง นี่เป็นผลพวงจากความโหดร้ายในการสังหารหมู่ เด็กๆและผู้หญิงถูกต้อนราวกับฝูงแกะเข้าไปในโบสถ์ และถูกเผาทั้งเป็น ส่วนผู้ชายก็ถูกทรมานด้วยการยิงที่ขา ให้ตายอย่างช้าๆในโรงนา ปัจจุบันซากของเมืองเก่ายังคงมีให้เห็นอยู่ในความทรงจำของวันที่โหดร้าย และชาวเมืองOradousได้ย้ายถิ่นฐานของตนไปยังเมืองใกล้ๆ คงเหลือไว้แต่เพียงซากความทรงจำที่แสนเจ็บปวด
 

 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

3.Abandoned Island City of Hashima, Japan
        เกาะ Hashima อยู่ห่างจากเมือง Nagasaki ประมาณ 15 กิโลเมตร ทุกวันนี้เป็นเกาะร้างไม่มีใครอยู่อาศัย (ในญี่ปุ่นมีเกาะประมาณ 505 แห่งที่ไม่มีผู้อยู่อาศัย) ทั้งที่ครั้งหนึ่งระหว่างปี 1890 ถึงปี 1974 เกาะ Hashima เป็นเกาะที่มีคนอยู่อาศัยหนาแน่นที่สุดคือ 835คนต่อหนึ่งเฮคเตอร์
 
        Mitsubishi บริษัทชื่อดังของญี่ปุ่น ซื้อเกาะ Hashima แห่งนี้เมื่อปี 1890 ด้วยโครงการที่จะขุดเอาถ่านหินจากใต้ทะเลขึ้นมาใช้ มีการสร้างตึกคอนกรีตขนาดใหญ่ และที่พักสำหรับคนงานบนเกาะและกำแพงสูงเพื่อป้องกันพายุไต้ฝุ่น แต่พอย่างเข้าทศวรรษ 1960 น้ำมันเข้ามามีบทบาทแทนถ่านหิน ทำให้เหมืองถ่านหินทยอยปิดตัวลงเรื่อยๆ และรวมถึงเหมืองถ่านหินบนเกาะ Hashima ด้วย
 
        ในที่สุดเมื่อปี 1974 Mitsubishi ประกาศปิดเหมืองบนเกาะนี้อย่างเป็นทางการ ผู้คนบนเกาะซึ่งล้วนเป็นพนักงานของ Mitsubishi และครอบครัวของพนักงานเหล่านี้ถูกอพยพจากเกาะ ทำให้เกาะ Hashima เปลี่ยนสภาพจากเกาะ ที่เคยมีผู้อยู่อาศํยอย่างหนาแน่นกลายเป็นเกาะร้างในพริบตา เกาะ Hashima ก็เลยถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Ghost Islands
 
        จนถึงปัจจุบันนี้ Mitsubishi ยังคงไม่อนุญาตให้ใครก็ตามขึ้นไปบนเกาะแห่งนี้ Okazaki Ritzuko นักร้องและนักแต่งเพลงชาวญี่ปุ่น (เสียชีวิตแล้ว) ก็เกิดที่เกาะแห่งนี้
 



 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

4.Abandoned Desert Ghost Town of Kolmanskop, Africa
        Kolmanskopเมืองร้างที่อยู่ในทวีปแอฟริกาที่เต็มไปด้วยซากสถาปัตยกรรมสไตล์ เยอรมัน ลักษณะเมืองเหมือนดังเช่นในเยอรมันทั่วๆไป มีโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีไฟฟ้าโรงหนังและยังมีคาสิโนอีกด้วย ที่นี่เคยเป็นแหล่งค้าเพช็รที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในแอฟริกาด้วย แต่หลังจากตลาดเพช็รแห่งนี้เกิดประสบปัญหาบางอย่าง ชาวเมืองก็ต่างพากันอพยพออกไป ทิ้งไว้เพียงร่องรอยแห่งความเจริญที่ตกอยู่ภายใต้ผืนทรายเท่านั้น
 



 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

5.Abandoned Area of Varosha, Cyprus
        แต่เดิมพื้นที่แห่งนั้นมักจะมีปัญหาความขัดแย้งกันรหว่างประเทศ เดิมใช้ชื่เรียกว่าFamagustaและถูกสร้างเป็นรีสอร์ทสำหรับนักท่องเที่ยว แต่ในปี1970ตุรกีได้บุกรุกและอ้างสิทธิพื้นที่ท่องเที่ยวแห่งนี้เป็นของตัว เอง และได้สร้างรั้ว ติดป้ายคำเตือนต่างๆโดยรอบ แต่หลังจากนั้นพื้นที่ก็ไม่ได้ถูกใช้งานอะไรเลย จนปล่อยให้ร้างและทรุดโทรมลง
 



 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

6.Abandoned Gulag Concentration Camp
        ค่ายกักกันGulagตั้งอยู่ในประเทศรัสเซีย(คาดว่าน่าจะอยู่ในสมัยของนายพลสตา ลิน) ที่แห่งนี้ถูกใช้เป็นที่สำหรับปฏิบัติงานและคุมขังนักโทษและมีซากของคนตาย เกลื่อนไปหมด นั่นแหละครับเหตุผลที่ทำให้มันร้างในปัจจุบันรจะไปอยู่ล่ะ)



7.Abandoned Town of Centralia, Pennsylvania
       เหมือนกับว่าเมืองจะมีปัญหาต่างๆเช่น มีกลุ่มควันแก๊สพุ่งขึ้นมาบนทางหลวง อุณหภูมิน้ำที่สูงผิดปกติเลยทำให้ชาวเมืองค่อยๆอพยพออกไป

  

 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 






8.Abandoned Flooded City of Quabbin, Massachusetts
        อ่างเก็บน้ำQuabbinเป็นอ่างเก็บน้ำที่ใหญ่ที่สุดในเมืองMassachusetts บริเวณนี้ยังประกอบด้วยเมืองเล็กๆอีก4เมืองและยังมีถนน รางรถไฟ อาคารสาธารณะ อนุสาวรีย์ และหลุมศพ ซึ่งเคยถูกน้ำท่วมอย่างหนัก
 


 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 






 
9.Abandoned War-Torn City of Agdam, Azerbaijan
        หนึ่งในเมืองของAzerbaijanที่มีความหนาแน่นของประชากรและความเจริญรุ่งเรือง โดยการยึดครองของชาวอาเมเนียน แต่ในที่สุดก็ไม่พ้นที่จะต้องกลายเป็นเมืองร้างเพราะพิษสงคราม ปัจจุบันยังมีนักผจญภัยทั้งหลายคอยเข้าไปเก็บภาพสิ่งที่เหลือของชาวเมืองนี้ ก่อนที่จะไม่มีใครได้เห็นมันอีก
 


 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 






 
 
10.Abandoned Resort Town of Yashima, Japan  เมืองYashima
        อยู่ในเขตพื้นที่ราบสุงของของเกาะ   แห่งหนึ่งในยี่ปุ่น ในปีค.ศ.1980ขณะที่เสรษฐกิจของญี่ปุ่นอยู่ในจุดที่สูงสุด นักลงทุนต่างพากันมาสร้างรีสอร์ทขนาดใหญ่ที่นี่ บนเกาะเล็กๆแห่งนี้เต็มไปด้วยรีสอร์ทที่พักถึง6แห่งร้านค้าต่างมากมาย แต่ในที่สุดก็มาถึงจุดพลิกผันเมื่อนักลงทุนล้มละลายเพราะไม่สามารถดึงลูกค้า ต่างชาติไว้ได้ หมู่บ้านจึงถูกปิดตัวลงและทิ้งทุกอย่างไว้ไม่ว่าจะเป็นของในร้านค้า เฟอร์นิเจอร์ต่างๆและเศษซากต่างๆไว้
 
 


 


ขอบพระคุณข้อมูลจาก http://travel.mthai.com/view/40704.travel

10 อันดับคนอัจฉริยะที่สุดของโลก


อันดับที่ 10. Elaina Smith: ผู้ให้คำปรึกษาปัญหาชีวิตอายุ 7 ขวบ
        สถานีวิทยุท้องถิ่นได้เสนองานให้คำ ปรึกษาปัญหาชีวิตกับหนูน้อย Elaina เมื่อเธอโทร. เข้ามาให้คำแนะนำกับหญิงสาวคนหนึ่งที่โทร. มาปรึกษาสถานีเรื่องที่เธอถูกแฟนทิ้ง คำแนะนำง่าย ๆ ของ Elaina คือการบอกให้หญิงสาวผู้นั้นออกไปโยนโบว์ลิ่งกับเพื่อนและก็ดื่มนมสักแก้วนึง โต ๆ และนั่นทำให้เธอได้เวลาจัดรายการแก้ปัญหาชีวิตรายสัปดาห์จากสถานีจนได้รับความนิยมจากผู้ฟังนับพัน เธอรับปรึกษาตั้งแต่ปัญหาเรื่องจะทิ้งแฟนอย่างไร จะทำยังไงเมื่อเลิกกับแฟน ไปจนกระทั่งปัญหากลิ่นตัวของพี่น้องในบ้าน  

        ครั้งหนึ่งได้มีคนฟังโทรศัพท์มาถาม Elaina ว่าทำยังไงเธอถึงจะได้แฟนของเธอกลับมา หนูน้อยบอกไปว่า ” ผู้ชายคนนั้นไม่มีค่าพอที่จะคร่ำครวญถึง ชีวิตคนเรามันสั้นเกินกว่าจะไปเศร้าโศกถึงผู้ชายแค่คนเดียว”






















9. Willie Mosconi: เริ่มชีวิตนักบิลเลียดอาชีพเมื่ออายุเพียง 6 ขวบ
        William Joseph Mosconi หรือเจ้าของฉายา “Mr. Pocket Billiards” (pocket billiard = พูล) หนูน้อยจาก Philadelphia, Pennsylvania มีบิดาเป็นเจ้าของโต๊ะพูลแต่กลับไม่ยอมให้เขาเล่นพูล แต่ Willie ก็ไม่ยอมแพ้โดยเลี่ยงไปฝึกฝนด้วยหัวมันฝรั่งกับด้ามไม้กวาดเก่า ๆ ในครัวของแม่ ไม่นานนักพ่อของเขาก็ได้เห็นความเป็นอัจริยะ จึงได้จัดให้มีการแข่งขันท้าประลองเกิดขึ้น และ Willie ก็สามารถเอาชนะคู่แข่งที่มีอายุและประสบการณ์เหนือกว่าตนเองมากมายได้ ทั้ง ๆ ที่เขายัง ต้องยืนบนกล่องต่อขาเพื่อให้สูงถึงโต๊ะจนเล่นได้ก็ตาม

        ใน ปี 1919 ได้มีการจัดการแข่งขันระหว่างหนูน้อย Willie วัย 6 ขวบและแชมป์โลกอย่าง Ralph Greenleaf แม้ Greenleaf จะเป็นผู้ชนะแต่ Willie ก็เล่นได้ดีมากและทำให้เขาก้าวเข้าสู่วงการบิลเลียดอาชีพตั้งแต่บัดนั้น และในปี 1924 Willie ก็ได้เป็นแชมป์ straight pool (พูล 15 ลูก) เยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 11 ปี และมีงานเดินสายโชว์เทคนิคการเล่นอย่างสม่ำเสมอ

        ใน ช่วงปี 1941-1957 Willie ก็ได้ครองแชมป์ BCA (Billiard Congress of America) World Championship ถึง15 สมัย เป็นผู้ริเริ่มเทคนิคใหม่ ๆ ในการตีบิลเลียด สร้างสถิติมากมาย และยังช่วยทำให้กีฬาบิลเลียดกลายเป็นที่นิยมอีกด้วย ปัจจุบันเขาก็ยังเป็นเจ้าของสถิติสูงสุดในการตีลูกได้ติดต่อกัน ถึง 526 ลูกในการแข่งขัน Straight Pool
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 



อันดับที่ 8. Fabiano Luigi Caruana: แกรนมาสเตอร์หมากรุกอายุน้อยที่สุด
        Fabiano หนุ่มน้อยสองสัญชาติ (อเมริกัน-อิตาลี) ปัจจุบันอายุ 16 ปี เขาได้เป็นแกรนมาสเตอร์ตั้งแต่ปี 2007 ตอนนั้นเขามีอายุเพีย 14 ปี 11 เดือน 20 วัน ถือได้ว่าอายุน้อยที่สุดในประวัติศาตร์ของอิตาลีและอเมริกา และเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาสมาพันธ์หมากรุกโลก (World Chess Federation (FIDE)) ได้ประกาศว่า Fabiano นั้นมีอันดับโลกอยู่ที่ 2649 ทำให้ เขากลายเป็นนักหมากรุกที่มีอันดับสูงสุดสำหรับรุ่นอายุต่ำกว่า 18 ปี
 
 

อันดับที่ 7. Michael Kevin Kearney: รับปริญญาใบแรกเมื่ออายุ 10 ขวบและกลายเป็นเศรษฐีจากการเล่นเรียลลิตี้โชว์
        หนุ่มวัย 24 ผู้นี้เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นผู้ที่เรียนจบมหาวิทยาลัยที่อายุน้อยที่สุดในโลก และเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเมื่ออายุเพียง 17

        ในปี 2008 เขาชนะรางวัล 1 ล้านเหรียญสหรัฐจากการเล่นเกมโชว์ที่ชื่อว่า Who Wants to be a Millionaire? นอกจากนี้เขายังทำสถิติโลกไว้อีกหลายอย่าง

        Kearney เริ่มพูดคำแรกเมื่ออายุ 4 เดือน เมื่ออายุได้ 6 เดือน เขาบอกกับกุมารแพทย์ของเขาว่า “ผมติดเชื้อที่หูซ้ายฮะ” อายุ 10 เดือนก็เริ่มเรียนเขียนอ่าน อายุ 4 ขวบได้เข้าร่วมการทดสอบทางคณิตศาสตร์ของสถาบัน Johns Hopkins และได้คะแนนเต็ม เรียนจบไฮสคูลเมื่ออายุ 6 ขวบ และเข้าเรียนที่ Santa Rosa Junior College จนจบปริญญาเมื่ออายุ 10 ขวบ

        ในปี 2006 ชื่อเสียงของเขาดังไปทั่วโลกเมื่อเขาเล่นเกมออนไลน์ Gold Rush จนชนะและได้รางวัล 1 ล้านเหรียญเป็นคนแรก




 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 



อันดับที่ 6. Saul Aaron Kripke: Harvard( มหาวิทยาลัยอันดับ1 ของโลก) เชิญให้ไปสมัครเป็นอาจารย์ขณะที่ยังเรียนไฮสคูล


        Kripke เป็นลูกชายของพระแรบไบ เกิดที่นิวยอร์คและโตที่ Omaha รัฐ Nebraska เริ่มศึกษาพีชคณิตเมื่อตอนอยู่เกรด 4 และพอจบชั้นประถมก็เรียนรู้เรขาคณิตและแคลคิวลัสจนทะลุปรุโปร่ง และเริ่มหันไปให้ความสนใจกับปรัชญา

        Kripke เขียนบทความหลายชิ้นทั้งในเรื่องของอรรถศาสตร์ (semantics) และตรรกวิทยาแบบ modal logic ในขณะที่มีอายุเพียง 16 ปี และหนึ่งในผลงานด้านตรรกวิทยานั้นทำให้เขาได้รับจดหมายเชิญจากภาควิชา คณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด เชิญชวนให้เขาไปสมัครเป็นอาจารย์ ซึ่งเขาก็ได้เขียนตอบปฎิเสธไปว่า “แม่ผมบอกว่าให้ผมเรียนให้จบไฮสคูลและมหาวิทยาลัยเสียก่อนดีกว่า” และเมื่อเขาเรียนจบไฮสคูลเขาก็เลือกเรียนต่อที่ฮาร์วาร์ด

        Kripke ได้รับรางวัล Shock Prize ซึ่งเป็นรางวัลทางด้านปรัชญาที่เทียบได้กับรางวัลโนเบล ปัจจุบันเขาได้รับการยกย่องว่า เป็นปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกที่ยังมีชีวิตอยู่
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 



อันดับที่ 5. Aelita Andre : หนูน้อยที่มีผลงานภาพออกแสดงในแกลลอรี่มีชื่อเสียง ด้วยวัยเพียง 2 ขวบ
        ศิลปินแนว Abstract อายุเพียง 2 ขวบผู้นี้ได้กลายเป็นบุคคลที่ชาวออสเตรเลียกล่าวถึงเป็นอันมาก เมื่อผลงานของเธอได้ออกแสดงใน Brunswick Street Gallery ใน Melbourne’s Fitzroy
 
        Mark Jamieson ผู้อำนวยการของแกลลอรี่ดังกล่าวได้เห็นภาพที่ Nikka Kalashnikova นักถ่ายภาพคนหนึ่งที่มีงานแสดงในแกลลอรีนำมาให้ดูและเขาก็ชอบจนตกลงใจที่จะ จัดการแสดงภาพเหล่านั้น จนเมื่อได้มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์งานในนิตยสารต่าง ๆ แล้ว เขาจึงได้ทราบว่าเจ้าของผลงาน คือลูกสาวของ Kalashnikova นั่นเอง และมีอายุเพียง 22 เดือน แม้ Jamieson รู้สึกอับอายไม่น้อย แต่ก็ตัดสินใจที่จะแสดงผลงานของหนูน้อยต่อไป
 
 

อันดับที่ 4. Cleopatra Stratan : นักร้องเด็กอายุเพียง 3 ขวบ มีรายได้ 1,000 ยูโรต่อเพลง (47,000-48,000 บาท)
        Clepotra เกิดเมื่อ 6 ตุลาคม 2002 ที่เมืองคีชีเนา ประเทศมอลโดวา เป็นลูกสาวของนักร้องเชื้อสายมอลโดวา-โรมาเนีย เธอเป็นนักร้องอายุน้อยที่สุดที่ประสบความสำเร็จด้วยอัลบั้มในปี 2006 ของเธอที่ชื่อว่า”At the age of 3″ และยังเป็นเจ้าของสถิติศิลปินอายุน้อยที่สุดที่เปิดการแสดงสดตลอด 2 ชั่วโมงต่อหน้าผู้ชมจำนวนมาก เป็นศิลปินเด็กที่ค่าตัวสูงสุด เป็นศิลปินอายุน้อยที่สุดที่จะได้รับรางวัล MTV และเป็นศิลปินที่อายุน้อยที่สุดที่มีเพลงติดชาร์ตอันดับหนึ่งในประเทศโรมาเนีย http://www.youtube.com/watch?v=GDq-E708lHU  ( ลองเข้าไปฟังเพลงของเธอได้ ตามลิ้งค์ด้านบนเลยค่ะ ^^ )



อันดับที่ 3. Akrit Jaswal : ศัลยแพทย์อายุ 7 ขวบ
        Akrit Jaswal เป็นชาวอินเดีย และได้รับการขนานนามว่า “เด็กผู้ชายที่ฉลาดที่สุดในโลก” เพราะมี IQ ถึง 146 และได้รับการยอมรับว่าเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในเด็กที่อายุเท่า ๆ กันในอินเดีย ประเทศที่มีประชากรนับพันล้านคน

        Akrit กลายเป็นจุดสนใจของสาธารณะในปี 2000 เมื่อเขาได้ทำการรักษาคนไข้คนแรกที่บ้านของเขาเองเมื่อมีอายุเพียง 7 ขวบ คนไข้เป็นเด็กผู้หญิงอายุ 8 ขวบ มีฐานะยากจนไม่มีเงินพอที่จะไปหาหมอได้ มือของเธอถูกไฟลวกทำให้นิ้วมือกำแน่นติดกัน Akrit ในตอนนั้นยังไม่ได้เรียนแพทย์อย่างเป็นทางการและยังไม่มีประสบการณ์ในการผ่า ตัดใด ๆ ทั้งสิ้น แต่เขาก็สามารถทำให้นิ้วมือของเด็กหญิงคลายออกมาได้และใช้มือได้เป็นปกติอีก ครั้ง ขณะนี้ Akrit กำลังเรียนปริญญาตรีวิทยาศาสตร์อยู่ที่ วิทยาลัย Chandigarh และเป็นนักศึกษาที่อายุน้อยที่สุดที่มหาวิทยาลัยอินเดียเคยรับเข้าเรียน






อันดับที่ 2. Gregory Smith: ผู้ได้รับการเสนอชื่อให้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ เมื่ออายุ เพียง 12 ปี


        Gregory เกิดในปี 1990 อ่านหนังสือออกตั้งแต่อายุ 2 ขวบ และเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเมื่ออายุ 10 ขวบ ความเป็นอัจฉริยะของเขานั้นยังไม่ได้ครึ่งของเรื่องราวของเด็กหนุ่มคนนี้ เมื่อเขาตัดสินใจออกเดินทางไปทั่วโลกเพื่อรณรงค์เรื่องสันติภาพและสิทธิ เด็ก

        Gregory Smith เป็นผู้ก่อตั้ง International Youth Advocates ซึ่งเป็นองค์กรที่ให้การสนับสนุนหลักการแห่งสันติภาพและความเข้าอกเข้าใจในระหว่างเยาวชนทั่วโลก เขาเคยได้พบกับผู้นำคนสำคัญอย่าง Bill Clinton และ Mikhail Gorbachev และยังเคยปฐกถาต่อหน้าที่ประชุม UN อีกด้วย

        จากการทำงานด้านมนุษยธรรมนี้ ทำให้เขาได้ถูกเสนอชื่อให้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพถึง 4 ครั้ง แต่ความสำเร็จครั้งล่าสุดที่เขาเพิ่งได้รับคือ…มีใบขับขี่เป็นของตัวเองได้ซะทีนั่นเอง
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

อันดับที่ 1. Kim Ung-Yong: เข้ามหาวิทยาลัยเมื่ออายุ 4 ขวบ จบปริญญาเอกตอนอายุ 15 และมี IQ สูงที่สุดในโลก


        Kim Ung-Yong เกิดในปี 1962 และอาจจะถือได้ว่าเป็นมนุษย์ที่ฉลาดที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ โดย Guinness Book of World Records ได้บันทึกว่าเขามี IQ สูงที่สุดในโลกคือสูงกว่า 210

        คิมอ่านภาษาญี่ปุ่น เกาหลี เยอรมัน และอังกฤษ ได้ตั้งแต่ 4 ขวบ ตอนวันเกิดครบ 5 ขวบ เขาก็สามารถแก้โจทย์แคลคิวลัส (differential and integral calculus) ที่ซับซ้อนได้ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้ไปออกรายการทีวีญี่ปุ่นแสดงสามารถทางภาษาจีน สเปน เวียดนาม ตากาลอก เยอรมัน อังกฤษ ญี่ปุ่น และเกาหลี

        คิม เป็นนักเรียนรับเชิญในชั้นเรียนวิชาฟิสิกส์ที่มหาวิทยาลัย Hanyang ตั้งแต่อายุ 3 – 6 ขวบ พออายุ 7 ขวบ NASA ได้เชิญเขาไปอเมริกาและเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย Colorado ในปี 1974 จนได้ Ph.D ด้านฟิสิกส์ ตั้งแต่ก่อนที่เขาจะมีอายุครบ 15 เสียอีก ระหว่างที่เรียนมหาวิทยาลัยเขาก็เริ่มทำงานวิจัยที่ NASA ด้วย และทำต่อมาตลอดจนกระทั่งเขากลับเกาหลีในปี 1978 และได้ตัดสินใจเปลี่ยนสาขาจากฟิสิกส์ไปเป็นวิศวกรรมโยธาและได้ศึกษาจนได้รับ ปริญญาเอกอีกเช่นกัน


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก Pookluk  บทความนี้เรียบเรียงโดยพี่นนท์ http://www.forum.siam1.net/read.php?tid-3977-ordertype-asc.html